วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

น้ำหมักชีวภาพ (เอนไซม์)

น้ำหมักชีวภาพเพื่อการบริโภค 
ปัจจุบันมีผู้คนส่วนใหญ่หันมาสนใจและรักสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น กระแสน้ำหมักชีวภาพจึงเกิดขึ้นและมีคนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากน้ำหมักชีวภาพมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้เขียนสนใจและอยากศึกษาหาความรู้ในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นและบวกกับที่บ้านของผู้เขียนเองก็สนใจและศึกษาปฏิบัติเกี่ยวกับน้ำหมักชีวภาพด้วยเหมือนกัน จึงทำให้ผู้เขียนหาความรู้ได้เร็วและมากยิ่งขึ้น
ความต่างระหว่าง'น้ำหมักชีวภาพ' กับ 'ไวน์'
แน่นอนว่าน้ำหมักชีวภาพ(เอนไซม์) ต้องต่างจาก ไวน์ อย่างแน่นอนเพราะน้ำหมักชีวภาพนั้นมีกระบวนการหมักที่แตกต่างจากการหมักไวน์มากเพราะว่าในกรณีน้ำหมักชีวภาพหรือเอนไซม์จะหมักโดยมีเชื้อจุลินทรีย์ปะปนอยู่หลายชนิดและไม่ผ่านการฆ่าเชื้อใดๆ ในระยะแรกจะกลายเป็นแอลกอฮอล์และระยะที่สองจะเป็นน้ำส้มสายชู (รสเปรี้ยว) ระยะที่สามจะเป็นยาธาตุ(รสขม)และในที่สุดจะเป็นน้ำหมักชีวภาพ(เอนไซม์)โดยต้องหมักเป็นเวลา  2 ปีขึ้นไป ถ้าจะใช้บริโภคให้เกิดผลมากที่สุดควรหมักอย่างน้อย 6 ปีขึ้นไปส่วน ไวน์ นั้นต่างจากน้ำหมักตรงที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วทุกขั้นตอนและมีสภาพเป็นแอลกอฮอล์ โดยกระบวนการหมักคือใช้เชื้อยีสต์บริสุทธิ์เปลี่ยนน้ำตาลเป็นอาหาร สรุปโดยรวมแล้ว"น้ำหมักชีวภาพ"แตกต่างจาก "ไวน์"ทั้งเจตนาในการหมัก กระบวนการหมัก การควบคุมเชื้อต่างๆในการบริโภค
ยิ่งหมักนานยิ่งดีจริงหรือไม่
จากการที่ผู้เขียนได้ศึกษาและได้สัมภาษณ์ผู้มีประสบการณ์และความรู้ต่างๆแล้ว ก็สรุปได้ว่าน้ำหมักชีวภาพนั้นยิ่งหมักนานเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะว่าในทางวิทยาศาสตร์นั้นบอกมาแล้วว่าถ้าหมักยังไม่ถึง 2 ปีขึ้นไป น้ำหมักจะมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่มากแต่ถ้าหมักเกิน 2 ปีขึ้นไปจนถึง 6 ปี เชื้อจุลินทรีย์จะตายและจะได้สารใหม่ที่เกิดจากผลไม้ที่หมักขึ้นมาแทนซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นยารักษาโรคได้และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระแต่ถ้าเราหมักไม่ถึง 2 ปี แต่ได้เพียง 2-4 เดือน เราสามารถนำน้ำหมักมาใช้เพื่อการอุปโภคได้ เช่น ใช้เป็นน้ำยาซักผ้า ล้างจาน สบู่ แชมพู น้ำยาบ้วนปาก ฯลฯ เป็นต้น
วิธีการทำน้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้
  
      
ขั้นตอนแรกให้เตรียมผลไม้สุก 1 ชนิดไว้สำหรับหมัก(จะเป็นผลไม้ชนิดใดก็ได้) โดยเตรียมไว้ 3 ส่วน และต่อไปคือ น้ำผึ้ง หรือ น้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน และสุดท้ายคือน้ำในปริมาณ 10 ส่วน เตรียมภาชนะสำหรับใส่น้ำหมัก เช่น ถังลิตร จากนั้นนำผลไม้ที่เตรียมไว้เทลงไปและนำน้ำที่ผสมน้ำตาลไว้แล้วเทลงไปรวมกัน จากนั้นปิดฝาถังให้สนิท หมักไว้อย่างน้อย 2 ปี
ประโยชน์ของเอนไซม์ หรือ น้ำหมัก
1. ช่วยปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย
2. ทำให้ระบบการย่อยและขับถ่ายดีขึ้น
3. ทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล
4. สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย (ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ)